วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

“บล.กสิกรไทย” ตั้งเป้าหุ้นไทยพลิกกลับแตะ 1,560 จุด 


(ชมคลิป)


        บล.กสิกรไทย เผยครึ่งปีหลังเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หลัง คสช. เข้ามาบริหาร ภาพรวมเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นสดใสตามทิศทางตลาดโลก พร้อมปรับเป้า SET INDEX เป็น 1,560 จุด

        นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นในครึ่งปีหลังเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากที่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเริ่มคลี่คลายลง โดยนโยบายขนาดใหญ่ที่ค้างอยู่เริ่มนำกลับเข้ามาพิจารณาเพื่อสานต่องานที่จะทำในอนาคต

        “หลังจากที่ทาง คสช.ได้จ่ายเงินจำนำข้าวแก่ชาวนา และแถลงถึงความชัดเจนของทิศทางเศรษฐกิจที่จะทำในอนาคต และการฟื้นความเชื่อมั่นต่อดัชนีผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่กระบวนการคัดสรร และแต่งตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้ว นโยบายเร่งด่วนต่างๆ คาดว่าจะออกมารวดเร็วมากขึ้น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นในระยะ 1-2 เดือนต่อจากนี้จะปรับตัวบวกขึ้นมา แม้จะมีการปรับฐานลงไปบ้าง” 

         ขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เริ่มทยอยปรับฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ ส่วนเศรษฐกิจของยุโรปทยอยปรับฟื้นตัวขึ้นมา แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ที่ 50:50 ซึ่งยุโรปยังไม่มีเม็ดเงินมากพอที่จะอัดฉีดเข้ามาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่น สะท้อนภาพการปรับตัวฟื้นขึ้นมาได้ดี ส่วนประเทศจีนนั้นแม้จะมีการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง แต่ยังคงมีน้ำหนักต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวมได้ อย่างไรก็ดี คาดว่านับจากนี้นักวิเคราะห์จากสำนักต่างๆ จะทยอยปรับเพิ่มประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากเดิมที่ปรับตัวลดลง เป็นปรับเพิ่มกำไรมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

         ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการเข้าบริหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดัชนี SET INDEX ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแถลงการทิศทางเศรษฐกิจ และเรียกความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนกลับมา ซึ่งนักวิเคราะห์ได้ตั้งเป้า SET INDEX จากเดิมที่ 1,500 จุด เพิ่มขึ้นเป็น 1,560 จุด โดยคาดว่าต่อจากนี้นักลงทุนต่างประเทศจะเริ่มทยอยกลับมาซื้อหุ้นไทยมากขึ้น



ที่มา : โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์23 มิถุนายน 2557 15:11 น.

กสิกรไทยคาดแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้า 

อาจยังปรับตัวผันผวน


         บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปภาวะตลาดหุ้นรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (16-20 มิ.ย.)ดัชนี SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไรของนักลงทุน โดยดัชนีปิดที่ระดับ 1,467.29 จุด เพิ่มขึ้น 0.77% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 19.34% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 43,499.54 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 502.60 จุด เพิ่มขึ้น 1.66% จากสัปดาห์ก่อน
         
         ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังมีการขายทำกำไรในสัปดาห์ก่อน และแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันโลก ก่อนดัชนีจะปรับลดลงจนถึงกลางสัปดาห์จากแรงขายในหุ้นกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากความกังวลต่อการเลื่อนประมูลใบอนุญาต 4G อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์จากแรงซื้อเก็งกำไรของนักลงทุน

         สำหรับแนวโน้มสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 23-27 มิ.ย. 2557 บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีอาจยังปรับตัวผันผวน ขณะที่การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค รายได้บุคคลสหรัฐฯ เครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้ง GDP Q1/2557 (Final Est.) ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,444 และ 1,437 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,485 และ 1,496 จุด ตามลำดับ



ที่มา :โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์22 มิถุนายน 2557 06:15 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000070025
“กสิกร” ทุ่ม 100 ล้าน ช่วยเอสเอ็มอี 
พร้อมควักเงิน 75,000 ล้านบาท ปล่อยกู้





         นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเอสเอ็มอีในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจจำหน่ายสินค้า และบริการที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร จำนวน 15,000 ราย วงเงิน 43,000 โดยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เบิกเกินบัญชี (โอดี) ทุกรายทันที 3% เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 1 มิ.ย.-31 ส.ค. 2557 และพักชำระหนี้เงินต้นนาน 6 เดือน ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีสภาพคล่องในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้น 55% จากภาระหนี้ของธนาคารที่ลดลง
         “โดยปกติลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นเอสเอ็มอีรายเล็ก สภาพคล่องน้อย จึงใช้วงเงินโอดีเกือบเต็มวงเงิน หรือมีวงเงินโอดีรวมราว 2.7 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่ากลุ่มนี้อัตราดอกเบี้ยจะค่อนข้างแพง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าของแบงก์มานาน แต่กลุ่มนี้ไม่ได้เป็นกลุ่มที่เป็นเอ็นพีแอล และหนี้เสียก็ยังอยู่ในระดับเดิมที่ 2.68%”
         อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังเตรียมวงเงินกู้อีก 75,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25% ในช่วง 3 เดือนจากนี้ (มิ.ย.-ส.ค.) จากเดิมที่แต่ละไตรมาสจะสามารถปล่อยกู้ได้ประมาณ 60,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ใหม่ให้กับลูกค้าเอสเอ็มอีรายอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบและต้องการเงินลงทุนหรือวงเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยวงเงินดังกล่าวคาดว่าจะมาจากการปล่อยกู้ให้ลูกค้าเดิม 80% และลูกค้ารีไฟแนนซ์ 20%


ที่มา : MThai News.วันอังคารที่ 3 มิถุนายน 2557.http://news.mthai.com/hot-news/341870.html