วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

กสิกรไทย คาด เงินบาทสัปดาห์ เคลื่อนไหวกรอบ 32.30-32.50

          ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.50 บาทต่อดอลลาร์ จับตาแผนกู้เศรษฐกิจ คสช.-ข้อมูลเศรษฐกิจไทยเดือน พ.ค. ...
          เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปภาวะตลาดเงินรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (23-27 มิ.ย.) เงินบาทปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ที่ระดับประมาณ 32.40-32.50 บาทต่อดอลลาร์ตลอดสัปดาห์ เนื่องจากตลาดยังคงรอปัจจัยใหม่ๆ มากระตุ้น โดยเงินบาทขยับแข็งค่าเล็กน้อย ในช่วงแรกตามทิศทางสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ที่ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขภาคการผลิตจีนที่ออกมาดี
          อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยลดช่วงบวกดังกล่าวลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อเงินดอลลาร์ ในช่วงปลายเดือนของผู้นำเข้า และการปรับโพสิชั่น เพื่อรอความคืบหน้าของสถานการณ์ต่างๆ ต่อไป โดยในวันศุกร์ (27 มิ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.45 เทียบกับระดับ 32.46 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (20 มิ.ย.)
               
          สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ถัดไป (30 มิ.ย.-4 ก.ค.) เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยต้องจับตาแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของ คสช. และข้อมูลเศรษฐกิจเดือน พ.ค. ของไทย ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลตลาดแรงงาน ดัชนี ISM ภาคการผลิต-ภาคบริการ ดัชนี PMI เขตชิคาโก เดือน มิ.ย. ยอดสั่งซื้อของโรงงาน ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายเดือน พ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
          นอกจากนี้ นักลงทุนอาจจับตาถ้อยแถลงด้านนโยบายการเงินของประธานเฟด (2 ก.ค.) ด้วยเช่นกัน อนึ่ง ตลาดการเงินสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 4 ก.ค. เนื่องในวันชาติสหรัฐฯ.


ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ 28 มิ.ย. 2557 16:54.http://www.thairath.co.th/content/432794

"กสิกรไทย"ลุยตลาดลูกค้ามั่งคั่งตามต่างจังหวัด 

หวังเพิ่มสัดส่วนเป็น 35% พร้อมตั้งเป้าเอยูเอ็มโต 10%



          นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า กลุ่มลูกค้าผู้มีเงินฝากและเงินลงทุนเกินกว่า 10 ล้านบาท มีการเติบโตในระดับสูง และไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตามหัวเมืองใหญ่ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศ และเริ่มมีความต้องการทางการเงินที่ซับซ้อนมากขึ้น
          ดังนั้นกลยุทธ์ของธนาคารในปีนี้ คือ การขยายการให้บริการไปในต่างจังหวัดรวมถึงขยายตลาดให้บริการกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติทั้งกลุ่ม AEC และประเทศต่างๆ ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศหรือมาพักอาศัยในประเทศไทยอีกด้วย
          ทั้งนี้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวสร้างรายได้ให้กับธนาคารค่อนข้างมาก โดยมีค่าเฉลี่ยการใช้ผลิตภัณฑ์ต่อรายสูงถึง 6 ผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่ม High Net Worth ที่มีเงินฝากกับธนาคารเกินกว่า 50 ล้านบาท แต่ยอมรับว่าเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันสูง โดยปัจจุบันธนาคารมีลูกค้ากลุ่มผู้มีเงินฝากและเงินลงทุนเกินกว่า 10 ล้านบาท (The Wisdom) อยู่ประมาณ 118,000 ราย คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 80% ของจำนวนลูกค้าระดับบนทั้งหมดในประเทศไทยที่มีอยู่ประมาณ 153,000 ราย และมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) รวมกว่า 1.1 ล้านล้านบาท
          "ในแต่ละปีลูกค้ากลุ่มนี้โตขึ้น 3% แต่ในต่างจังหวัดจะโต 2 หลัก และจะเห็นว่าลูกค้าจากลาวข้ามมาใช้บริการ THE WISDOM ในสาขาอุดรธานีมากขึ้น หรือลูกค้าจากพม่าที่เข้ามาใช้บริการในกรุงเทพ ซึ่งธนาคารมีแผนที่จะเปิด The Wisdom Lounge ที่เวียงจันทน์ด้วย หากธนาคารเข้าไปเปิดสาขาในลาวเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า รวมถึงลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยด้วย กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูง"
          นายปกรณ์กล่าวว่า ลูกค้าวิสดอมกว่า 70% เป็นลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ขณะที่ลูกค้าในจังหวัดหัวเมืองและจังหวัดอื่นๆ 30% ในปีนี้ธนาคารมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หรือเพิ่มเป็น 1.2 ล้านล้านบาทโดยเน้นเพิ่มสัดส่วนลูกค้าในหัวเมืองใหญ่และจังหวัดอื่นๆ ให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 35% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 30%
          นอกจากนี้ในปัจจุบันธนาคารมีศูนย์บริการ เดอะวิสดอม 87 แห่ง อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล 42 แห่ง และในจังหวัดใหญ่ทุกภูมิภาค 45 แห่ง ซึ่งในปีนี้ธนาคารมีแผนจะเปิดศูนย์บริการเดอะวิสดอมเพิ่มอีก 47 แห่ง รวมเป็น 134 แห่ง โดยล่าสุดธนาคารกสิกรไทย เปิดตัว เดอะวิสดอม เลาจน์ แอด เซ็นทรัล เอ็มบาสซี (The Wisdom Lounge @ Central Embassy) ตั้งอยู่บนชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี
          ขณะเดียวกันใช้งบลงทุนถึง 70 ล้านบาท สำหรับบริการตู้นิรภัยอัจฉริยะ ระบบอินเทลิเจนท์ เซฟ เดฟโพสิท บ็อกซ์ซึ่งมีความทันสมัยที่สุด ทั้งในเดอะวิสดอม เลาจน์ แอด เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และ เดอะวิสดอม เลาท์ แอด สยามพารากอน มีตู้นิรภัย 1,602 ตู้ เมื่อรวมกับตู้นิรภัยรูปแบบกึ่งอัตโนมัติ ที่ ศูนย์บริการเดอะวิสดอม เลาจน์ แอด โซฟิเทล โซ กรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขุมวิท 6 และ สาขาลาดพร้าว 92 โดยมีจำนวนตู้นิรภัยรวม 5,366 ตู้
          "ความต้องการตู้นิรภัยมีมากขึ้น แต่ธนาคารพาณิชย์มีให้บริการไม่เพียงพอ แต่ในส่วนของธนาคารมีตู้เอทีเอ็มทั้งหมดรวมแล้ว 8,000 ตู้ ซึ่งธนาคารแผนที่จะเปิดห้องนิรภัยอีก 3 แห่งภายใน 3 ปีข้างหน้า"


ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์.วันที่ 26 มิถุนายน 2557 12:58
กสิกรไทย คาดสินเชื่อครึ่งปีหลังโต 
หลังการเมืองคลี่คลาย-ศก.ชัด




         ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผย สินเชื่อธนาคารพาณิชย์โตร้อยละ 7.92% ด้านเงินฝากรวม ตราสารหนี้ โต 5.01% เชื่อครึ่งปีหลังสินเชื่อมีโอกาสเติบโตดี หลังส่งออกมีแนวโน้มที่ดี การเมืองคลี่คลาย จับตามาตรการต่างๆ ภาครัฐ...
         เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินภาพการขยายตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งปี 57 โดยระบุว่า จากการเติบโตของสินเชื่อที่แผ่วลงในช่วง 5 เดือนแรกของปีและผลของฐานที่สูงในปีก่อน ขณะที่คาดว่าภาคธุรกิจคงใช้ระยะเวลาในการทยอยลดสินค้าคงคลัง แล้วจึงเริ่มเข้าสู่ รอบการผลิตใหม่ ซึ่งจะแปลงมาเป็นความต้องการสินเชื่อเพิ่มเติม และภาคครัวเรือนคงต้องรอชั่งน้ำหนักระหว่างบรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอย และสถานการณ์ด้านรายได้ที่ดีขึ้นกับภาวะค่าครองชีพที่ถีบตัวสูงขึ้นตามเงินเฟ้อ โดยจะติดตามผลเชิงบวกจากพัฒนาการของเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด และอาจปรับเพิ่มประมาณการได้หากเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของสินเชื่อที่ชัดเจนในระยะถัดไป
          ขณะที่ในเดือน พ.ค. 57 เงินให้สินเชื่อสุทธิของธนาคารพาณิชย์ไทย อยู่ที่ 9.59 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.71 หมื่นล้านบาทจากเดือนก่อนหน้า หรือเติบโตร้อยละ 7.92 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านเงินฝากรวมกับตราสารหนี้ที่ออกและเงินให้กู้ยืมอยู่ที่ระดับ 10.96 ล้านล้านบาท ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่จำนวน 6.53 หมื่นล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า หรือเติบโตร้อยละ 5.01 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
         ทั้งนี้ ช่วงครึ่งหลังของปี 57 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าพัฒนาการของเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นท่ามกลางแรงหนุนเศรษฐกิจ จากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเงินงบประมาณของภาครัฐที่ทยอยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหลัง สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น การผลักดันมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและมาตรการดูแลค่าครองชีพของประชาชน รวมถึงภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโลก คงเป็นแรงส่งสำคัญที่ทำให้ยอดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ไทยในช่วงครึ่งหลังของปี สามารถพลิกกลับมามีโมเมนตัมที่ดีขึ้นได้เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 57 โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีและสินเชื่อรายย่อยบางประเภท อาทิ สินเชื่อบัตรเครดิต
          สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามนอกจากพัฒนาการทางเศรษฐกิจไทย ภาวะค่าครองชีพและระดับราคาสินค้าและพลังงาน เนื่องจากจะมีผลต่อการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งผูกโยงกับความก้าวหน้าของสินเชื่อแล้ว ยังต้องจับตามาตรการต่างๆ ของภาครัฐและวิธีการ/ช่องทางการระดมทุน ซึ่งจะกระทบต่อทิศทางสภาพคล่องของระบบการเงินไทยในระยะถัดไป.


ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ 26 มิ.ย. 2557 14:01.http://www.thairath.co.th/content/432267

กสิกรฯ หันรุกกลุ่มเศรษฐีภูธร-เร่งเปิด

อีก 47 ศูนย์-ขยายฐานเป็น 35%


 กสิกรไทยเผยแผนรุกลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง เน้นขยายฐานสู่ภูมิภาคในจังหวัดหัวเมืองใหญ่-ชายแดน รับการค้า-เออีซี ลุยเปิดศูนย์บริการเพิ่มอีก 47 แห่งในปีนี้ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าหัวเมืองเป็น 35% ล่าสุดเปิด “เดอะวิสดอม เลาจน์ แอด เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” พร้อมให้บริการบริการตู้นิรภัยอัจฉริยะระบบอินเทลิเจนท์ เซฟ เดฟโพสิท บ็อกซ์
       
       นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK)กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ธนาคารมีแนวทางที่จะขยายฐานลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งไปสู่ภูมิภาค โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ๆใน 19 จังหวัดทั่วประเทศเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างจังหวัดเป็น 35% จากปัจจุบันที่ 30% และลูกค้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล 70% เนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอยู่ในอัตราที่สูงกว่ากรุงเทพฯ รวมทั้งเป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติและเออีซีที่เข้ามาทำธุรกิจหรือพำนักในไทย
       
       ทั้งนี้ ปัจจุบันลูกค้าที่มีเงินฝากและเงินลงทุนกับธนาคารตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปมีอยู่ประมาณ 118,000 ราย โดยคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 80% ของจำนวนลูกค้าระดับบนทั้งหมดในประเทศไทยที่มีอยู่ประมาณ 153,000 ราย และมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) รวมกว่า 1.1 ล้านล้านบาท ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตที่ 20% มี AUM ที่ 1.22 ล้านล้านบาท จากมูลค่าทั้งระบบที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 3% และในปีนี้ธนาคารมีแผนที่จะเปิดศูนย์บริการเดอะวินดอมเพิ่มอีก 47 แห่ง รวมเป็น 134 แห่ง จากปัจจุบันที่มี 87 แห่ง อยู่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 42 แห่ง
       
       “ตลาดภูมิภาคเป็นตลาดที่น่าสนใจ เศรษฐกิจเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักมาต่อเนื่อง 2-3 ปี ลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น พร้อมๆกับโอกาสที่จะขยายธุรกิจด้านการลงทุนยังมีอีกมาก เพราะลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งในภูมิภาคยังออมเงินด้วยเงินฝากประจำเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่จังหวัดในแถบชายแดน อาทิ อุดรธานี ก็เริ่มมีลูกค้านักธุรกิจจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวเข้ามาใช้บริการศูนย์วิสดอมหนาตาขึ้น และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นหากมี AEC ดังนั้น ตรงจุดนี้ก็จะต้องขยายด้วยเช่นกัน”
       
       นายปกรณ์กล่าวอีกว่า กลุ่มลูกค้ามั่งคั่งเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันกันสูงมาก ธนาคารในฐานะผู้นำตลาดมีมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มนี้สูงสุด ได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใน 2 ด้านด้วยกัน คือ ด้านการลงทุนจะเน้นให้คำปรึกษาการลงทุนอย่างมืออาชีพและครบวงจร ส่วนด้านบริการจะเน้นบริการที่แตกต่างและตรงกับไลฟ์สไตล์กับลูกค้าจากการสำรวจในเชิงลึกถึงความต้องการของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันศูนย์บริการเดอะวิสดอมของมีธนาคารมีทั้งหมดถึง 5 รูปแบบที่แตกต่างตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
       
       ล่าสุด ธนาคารได้เปิด THE WISDOM Loung @ ที่ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี ซึ่งศูนย์ดังกล่าวพร้อมด้วยบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกด้าน ทั้งด้านไลฟ์สไตล์ บริการทางการเงิน และบริการตู้นิรภัยอัจฉริยะ ซึ่งมีให้บริการที่ศูนย์นี้ และเดอะวิสดอม เลาท์ แอด สยามพารากอน มีจำนวนตู้นิรภัยรวม 1,602 ตู้ ใช้เงินลงทุนด้วยงบประมาณกว่า 70 ล้านบาท ทั้งนี้ บริการตู้นิรภัยอัจฉริยะ ระบบอินเทลิเจนท์ เซฟ เดฟโพสิท บ็อกซ์นี้ มีความทันสมัยที่สุด ระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกด้วยการยืนยันตัวตนถึง 3 ชั้น เริ่มจากการสแกนลายนิ้วมือพร้อมการแตะการ์ด ใส่ PIN Code และไขกุญแจเปิดตู้นิรภัย ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าใช้บริการตู้นิรภัยได้อย่างมั่นใจในห้องส่วนตัวเฉพาะบุคคล



ที่มา : โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์25 มิถุนายน 2557 19:11 น.
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000071712

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

“บล.กสิกรไทย” ตั้งเป้าหุ้นไทยพลิกกลับแตะ 1,560 จุด 


(ชมคลิป)


        บล.กสิกรไทย เผยครึ่งปีหลังเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หลัง คสช. เข้ามาบริหาร ภาพรวมเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นสดใสตามทิศทางตลาดโลก พร้อมปรับเป้า SET INDEX เป็น 1,560 จุด

        นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นในครึ่งปีหลังเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากที่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเริ่มคลี่คลายลง โดยนโยบายขนาดใหญ่ที่ค้างอยู่เริ่มนำกลับเข้ามาพิจารณาเพื่อสานต่องานที่จะทำในอนาคต

        “หลังจากที่ทาง คสช.ได้จ่ายเงินจำนำข้าวแก่ชาวนา และแถลงถึงความชัดเจนของทิศทางเศรษฐกิจที่จะทำในอนาคต และการฟื้นความเชื่อมั่นต่อดัชนีผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่กระบวนการคัดสรร และแต่งตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้ว นโยบายเร่งด่วนต่างๆ คาดว่าจะออกมารวดเร็วมากขึ้น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นในระยะ 1-2 เดือนต่อจากนี้จะปรับตัวบวกขึ้นมา แม้จะมีการปรับฐานลงไปบ้าง” 

         ขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เริ่มทยอยปรับฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ ส่วนเศรษฐกิจของยุโรปทยอยปรับฟื้นตัวขึ้นมา แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ที่ 50:50 ซึ่งยุโรปยังไม่มีเม็ดเงินมากพอที่จะอัดฉีดเข้ามาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่น สะท้อนภาพการปรับตัวฟื้นขึ้นมาได้ดี ส่วนประเทศจีนนั้นแม้จะมีการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง แต่ยังคงมีน้ำหนักต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวมได้ อย่างไรก็ดี คาดว่านับจากนี้นักวิเคราะห์จากสำนักต่างๆ จะทยอยปรับเพิ่มประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากเดิมที่ปรับตัวลดลง เป็นปรับเพิ่มกำไรมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

         ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการเข้าบริหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดัชนี SET INDEX ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแถลงการทิศทางเศรษฐกิจ และเรียกความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนกลับมา ซึ่งนักวิเคราะห์ได้ตั้งเป้า SET INDEX จากเดิมที่ 1,500 จุด เพิ่มขึ้นเป็น 1,560 จุด โดยคาดว่าต่อจากนี้นักลงทุนต่างประเทศจะเริ่มทยอยกลับมาซื้อหุ้นไทยมากขึ้น



ที่มา : โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์23 มิถุนายน 2557 15:11 น.

กสิกรไทยคาดแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้า 

อาจยังปรับตัวผันผวน


         บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปภาวะตลาดหุ้นรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (16-20 มิ.ย.)ดัชนี SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไรของนักลงทุน โดยดัชนีปิดที่ระดับ 1,467.29 จุด เพิ่มขึ้น 0.77% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 19.34% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 43,499.54 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 502.60 จุด เพิ่มขึ้น 1.66% จากสัปดาห์ก่อน
         
         ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังมีการขายทำกำไรในสัปดาห์ก่อน และแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันโลก ก่อนดัชนีจะปรับลดลงจนถึงกลางสัปดาห์จากแรงขายในหุ้นกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากความกังวลต่อการเลื่อนประมูลใบอนุญาต 4G อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์จากแรงซื้อเก็งกำไรของนักลงทุน

         สำหรับแนวโน้มสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 23-27 มิ.ย. 2557 บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีอาจยังปรับตัวผันผวน ขณะที่การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค รายได้บุคคลสหรัฐฯ เครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้ง GDP Q1/2557 (Final Est.) ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,444 และ 1,437 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,485 และ 1,496 จุด ตามลำดับ



ที่มา :โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์22 มิถุนายน 2557 06:15 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000070025
“กสิกร” ทุ่ม 100 ล้าน ช่วยเอสเอ็มอี 
พร้อมควักเงิน 75,000 ล้านบาท ปล่อยกู้





         นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเอสเอ็มอีในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจจำหน่ายสินค้า และบริการที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร จำนวน 15,000 ราย วงเงิน 43,000 โดยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เบิกเกินบัญชี (โอดี) ทุกรายทันที 3% เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 1 มิ.ย.-31 ส.ค. 2557 และพักชำระหนี้เงินต้นนาน 6 เดือน ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีสภาพคล่องในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้น 55% จากภาระหนี้ของธนาคารที่ลดลง
         “โดยปกติลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นเอสเอ็มอีรายเล็ก สภาพคล่องน้อย จึงใช้วงเงินโอดีเกือบเต็มวงเงิน หรือมีวงเงินโอดีรวมราว 2.7 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่ากลุ่มนี้อัตราดอกเบี้ยจะค่อนข้างแพง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าของแบงก์มานาน แต่กลุ่มนี้ไม่ได้เป็นกลุ่มที่เป็นเอ็นพีแอล และหนี้เสียก็ยังอยู่ในระดับเดิมที่ 2.68%”
         อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังเตรียมวงเงินกู้อีก 75,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25% ในช่วง 3 เดือนจากนี้ (มิ.ย.-ส.ค.) จากเดิมที่แต่ละไตรมาสจะสามารถปล่อยกู้ได้ประมาณ 60,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ใหม่ให้กับลูกค้าเอสเอ็มอีรายอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบและต้องการเงินลงทุนหรือวงเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยวงเงินดังกล่าวคาดว่าจะมาจากการปล่อยกู้ให้ลูกค้าเดิม 80% และลูกค้ารีไฟแนนซ์ 20%


ที่มา : MThai News.วันอังคารที่ 3 มิถุนายน 2557.http://news.mthai.com/hot-news/341870.html

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ธนาคารกสิกรไทย จัดกิจกรรม K-Expert Workshop 

3 ก้าว ค้นหาอาชีพเสริม สร้างรายได้อย่างมั่นใจ



         ธนาคารกสิกรไทย จัดกิจกรรมเอาใจคนมีฝันกับ K-Expert Workshop "3 ก้าว ค้นหาอาชีพเสริม สร้างรายได้อย่างมั่นใจ" ที่จะช่วยคุณค้นหาอาชีพเสริมที่ใช่จากสิ่งที่ชอบ และเติมเต็มความฝันไปพร้อมๆกับความสุข ทั้งยังมีคำแนะนำในเรื่องการเงินจากกูรูตัวจริง ในวันที่ 24 และ 26 มิถุนายนนี้ ตั้งแต่เวลา 18.00 – 20.00 น. ณ Knowledge center ชั้น 2 ตึกจามจุรีแสควร์ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ K-Contact Center 02-888-8888 หรือ www.kasikornbank.com/K-ExpertWorkshop



ที่มา : ข่าวประชาสัมพันธ์หุ้น การเงิน การธนาคาร วันศุกร์ที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ๑๒:๔๗ น.

ธนาคารกสิกรไทย จัดงานสัมมนา 

“Construction Solutions: พลิกวิถีธุรกิจก่อสร้าง SME ไทย”


         ด้วยธนาคารกสิกรไทยจะจัดงานสัมมนา “Construction Solutions: พลิกวิถีธุรกิจก่อสร้าง SME ไทย” ให้ข้อมูลแนวโน้มธุรกิจก่อสร้างในปี 2557 การเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์การบริหารธุรกิจจากผู้บริหารบริษัทชั้นนำในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้าง ถึงแนวทางการรับมือภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และการตลาด ในวันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2557 ณ ห้องบอลรูม ชั้น 7 โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพฯ สุขุมวิท ตามกำหนดการ ดังนี้
12.15 น. ลงทะบียน และเยี่ยมชมบูธหน้างาน
13.00 น. กล่าวเปิดงานโดย คุณอรรถพล สมิทธิเวทย์วงศ์
ผู้บริหารเครือข่ายลูกค้าผู้ประกอบการ ธนาคารกสิกรไทย
13.15 น. หัวข้อ “รู้ทันเทรนด์ก่อสร้างปี 57” โดยคุณจักรพร อุ่นจิตต์ ผอ.สถาบันการก่อสร้างไทย
14.00 น. หัวข้อ “เปิดมุมมองด้านการเงินธุรกิจก่อสร้าง” โดยคุณวีรชัย ปฐมเนติกุล
ผู้บริหารงานผลิตภัณฑ์ลูกค้าผู้ประกอบการ ธนาคารกสิกรไทย
14.30 น. พักรับประทานอาหารว่าง
15.00 น. เสวนา “ปรับกลยุทธ์รับมือธุรกิจก่อสร้างปี 57” โดย
คุณไผท ผดุงถิ่น ผู้บริหารสูงสุด บริษัท บิลค์ เอเชีย จำกัด
คุณพงศ์พันธ์ ธีระจรุงเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิศวภัทร์ จำกัด
คุณนาตยา ตั้งมิตรประชา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดูโฮม ในเครืออุบลวัสดุ


ที่มา : ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2557 12:12:42 น.

กสิกรไทยหนุนผู้รับเหมาธุรกิจ

โทรคมนาคมไทยเจาะตลาดพม่า




          นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และนางปรีญาภรณ์ ตั้งเผ่าศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ.แอล.ที. อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาติดตั้ง ซ่อมบำรุงสถานีระบบสัญญาณสื่อสาร และจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าในงานสื่อสารโทรคมนาคมชั้นนำของไทย ร่วมลงนามในสัญญาแต่งตั้งธนาคารกสิกรไทย ให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน สำหรับแผนการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ในประเทศพม่า ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เมื่อเร็ว ๆ นี้


ที่มา : ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2557 17:06:02 น.

เครือสินธรณีฯ ร่วมยินดี เปิด K Bank 

ฉลองเปิดสาขาใหม่ สาขาวิคตอเรีย การ์เด้นส์




         ธนาคารกสิกรไทยร่วมกับโครงการ วิคตอเรีย การ์เด้นส์ ฉลองเปิดธนาคารกสิกรไทย สาขาใหม่ สำนักงานย่อย สาขาวิคตอเรีย การ์เด้นส์ โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ปราณี เผอิญโชค ประธานกรรมการบริหาร, คุณแก้วใจ เผอิญโชค แมคโดนัลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, คุณประสงค์ ปิยะธนะศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สินธรณี พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด และ คุณทนง สมบัติพานิช ผู้บริหารเครือข่ายการบริการและการขาย 3 ธนาคารกสิกรไทย ร่วมเปิดพิธีอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติร่วมงาน อย่างชื่นมื่น พร้อมมอบโปรโมชั่นร่วมกับธนาคารฯ มอบความสุขและสิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการธนาคารกสิกรไทย สำนักงานย่อย สาขาวิคตอเรียการ์เด้นส์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 - 19.00 น.



ที่มา : ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2557 13:01:21 น.

กสิกรฯ ออกบัตรเมืองไทย รูดจ่ายเบี้ยรับเงินคืน 0.25%





กสิกรไทย ร่วมกับเมืองไทยประกันชีวิต ออกบัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ด รับสิทธิพิเศษ รูดชำระค่าเบี้ยประกันภัยเมืองไทยฯ รับเงินคืนสูงสุด 0.25% ไม่จำกัดวงเงิน ตั้งเป้าบัตรเพิ่ม 2 แสนใบ ใน 3 ปี
       
       นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK)เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ออกบัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ด สำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 800,000 คน โดยผู้ถือบัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ดจะได้รับสิทธิพิเศษเมือชำระค่าเบี้ยประกันภัยของเมืองไทยประกันชีวิตผ่านบัตร จะได้รับเงินคืนสูงสุด 0.25% ของค่าเบี้ยประกันภัยที่ชำระ โดยไม่จำกัดจำนวนเงิน พร้อมวงเงินประกันภัยอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง 8-20 ล้านบาท
       
       ทั้งนี้ บัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ด จะมี 4 รูปแบบ คือ Smile, Platinum, Prestige และจะเป็นครั้งแรกที่มีการออกบัตรเครดิต Pink Gold ซึ่งเป็นบัตรระดับพรีเมียมที่รวมเอกสิทธิ์มากมาย โดยธนาคารตั้งเป้าออกบัตรดังกล่าวไว้ 200,000 ใบ ภายใน 3 ปี และมีมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตร 9,000 ล้านบาท
       
       สำหรับภาพรวมบัตรเครดิตกสิกรไทย ปัจจุบันมีฐานบัตรรวมเกือบ 3.3 ล้านใบ มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ยสูงที่สุดในตลาด อยู่ที่ 17,300 บาทต่อบัตรต่อเดือน ด้านยอดใช้จ่ายสะสม ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2557 อยู่ที่ 119,000 ล้านบาท ครองอันดับ 1 ของตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 21% ขณะที่เมื่อวิเคราะห์ยอดการใช้จ่ายพบว่า เป็นการชำระค่าเบี้ยประกันภัยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 14% ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายสิ้นปี 2557 จะขยายฐานบัตรเครดิตใหม่จำนวน 715,000 บัตร และมีฐานลูกค้าบัตรเครดิตรวม 3.6 ล้านบัตร เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2556 ราว 16% มียอดใช้จ่ายทั้งหมดผ่านบัตร อยู่ที่ 3.44 แสนล้านบาท ขยายตัวราว 31% รวมทั้งประมาณการยอดสินเชื่อคงค้างหลังปรับฐาน สิ้นปี 2557 จะอยู่ที่กว่า 72,000 ล้านบาท ขยายตัวในช่วง 11-12%
       
       นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า บัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ด เป็นความร่วมมือของบริษัท และธนาคารกสิกรไทย เพื่อฉลองครบรอบ 10 ปี เมืองไทยสไมล์คลับ ด้วยแนวคิด “บัตรประกันความประทับใจของคนหัวคิดทันสมัย”
       
       โดยเฉพาะบัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ด Pink Gold ได้รวบรวมสิทธิประโยชน์ระดับเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น ความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุการเดินทางวงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท บริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินเมื่อเดินทางไปต่างประเทศตลอด 24 ชั่วโมง สิทธิในการใช้บริการห้องรับรองพิเศษ Royal Orchid Lounge ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และต่างจังหวัด เมื่อเดินทางด้วยสายการบินไทย 2 ครั้งต่อปี เป็นต้น
       
       ในโอกาสนี้ บริษัทยังได้จัดแคมเปญพิเศษเพื่อฉลองการเปิดโครงการใหม่ในช่วงแนะนำ 3 เดือนแรก ที่เปิดให้บริการแก่ลูกค้า คือ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้ โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อแบบประกันที่เข้าร่วมโครงการโดยชำระเบี้ยประกันภัยเพียงปีละ 300,000 บาท จะได้รับสิทธิในการสมัครบัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ด ระดับ Pink Gold จากวงเงินปกติ 500,000 บาทต่อปี



ที่มา  : โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์.17 มิถุนายน 2557 10:56 น.
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000067836

สัมมนาฟรี "จับทิศรอบด้าน สร้างโอกาสโตแบบยั่งยืน"




ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย จัดกิจกรรม SMEs Seminar : จับทิศรอบด้าน สร้างโอกาสโตแบบยั่งยืน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเติบโตแก่ผู้ประกอบการและสร้างความเข้าใจทางด้านการบริหารธุรกิจ ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2557 เวลา 13.30 - 16.00 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
       
       รายละเอียดกำหนดการ คลิกที่นี่
       
       แบบตอบรับเข้าร่วมงาน คลิกที่นี่
       


ที่มา  :โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์.16 มิถุนายน 2557 17:27 น.

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557

กสิกรไทยจับมือเวิร์คพอยท์ต้อนรับการกลับมาของ SME ตีแตก
 
 
         ตามคำเรียกร้อง รายการเอ็ดดูเทนเมนต์ครบรสที่อัดแน่นด้วยสาระและความบันเทิง หวังให้ผู้ประกอบการนำความรู้ในการบริหารจัดการธุรกิจไปปรับใช้ ประเดิมเทปแรกวันเสาร์ที่ 5 ก.ค. นี้ เวลาดี 3 ทุ่มยี่สิบ ทางช่อง 1 Workpoint
         ดังนั้นธนาคารกสิกรไทย จึงร่วมมือกับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผลิตรายการ “SME ตีแตก” อีกครั้งโดยเนื้อหารายการจะเข้มข้นขึ้น รวมไปถึงธุรกิจที่นำมาออกรายการมีความหลากหลายเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน ช่วยให้เอสเอ็มอีได้รับทั้งสาระและความบันเทิง รวมทั้งมีส่วนช่วยสร้างแรงบันดาลใจที่สามารถนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจของตนได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ รูปแบบของธุรกิจที่จะมาออกรายการในซีซั่นใหม่นี้ น่าสนใจและครอบคลุมทุกกลุ่ม อาทิ ธุรกิจยอดนิยม เป็นธุรกิจที่คนสนใจทำเพราะเริ่มต้นไม่ยาก ธุรกิจขนาดใหญ่ หรือธุรกิจที่มีรากฐานแข็งแกร่ง ธุรกิจฝ่าวิกฤต เป็นการเรียนรู้จากธุรกิจที่ประสบปัญหาช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ และ ธุรกิจเออีซี เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ชมรายการได้เรียนรู้จากธุรกิจที่กำลังขยายตัวพร้อมรับเออีซี
นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษที่คณะกรรมการทั้ง 3 คน คือ คุณพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย อาจารย์ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด และคุณวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ คอลัมนิสต์ชื่อดัง จะลงพื้นที่เพื่อสัมผัสและศึกษาแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มาออกอากาศในเชิงลึกที่สถานประกอบการจริง ทำให้กรรมการมีความเข้าใจในธุรกิจมากขึ้นและสามารถให้คำแนะนำในเชิงลึกมากยิ่งขึ้นด้วย โดยมีคุณเกตุเสพสวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา หรือน้าเน็ก เป็นพิธีกร
         ด้านนายปัญญา นิรันดร์กุล ประธานบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า รายการ SME ตีแตก เป็นรายการที่เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพราะผู้ประกอบการที่มาร่วมรายการก็จะได้รับประโยชน์กลับไป นอกจากนี้ยังสามารถเผยแพร่ธุรกิจของตัวเองให้คนรู้จักด้วย ส่วนกลยุทธ์ในการบริหารจัดการธุรกิจที่นำมาเสนอก็จะมีผู้เชี่ยวชาญทางธุรกิจมาให้คำแนะนำถึงแนวทางในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ส่วนผู้ที่ชมรายการก็จะได้ชมธุรกิจหลากหลายรูปแบบ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตหรือกับธุรกิจของตนเอง ซึ่งนั่นหมายถึงการสนับสนุนให้ธุรกิจ SME ในประเทศไทยได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก เพราะฉะนั้นคนไทยไม่ควรพลาดชม เพราะจะได้ทั้งสาระและความบันเทิงเต็มรูปแบบ
         นายพัชรกล่าวในตอนท้ายว่า รายการ SME ตีแตกกลับมาคราวนี้เพื่อมอบสาระและความบันเทิงแบบครบเครื่องเพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจก็จะมีธนาคารกสิกรไทยอยู่เคียงข้าง อย่างสโลแกน “K SME ช่วยเต็มที่ เอสเอ็มอีมีแต่ได้” ติดตามความสนุกสนานได้ทุกวันเสาร์ เวลาดี 21.20-22.20 น. ทางช่อง 1 Workpoint ออกอากาศครั้งแรกวันเสาร์ที่ 5 ก.ค.นี้
 
 
 
ที่มา :  ข่าวประชาสัมพันธ์บันเทิง-ดารา วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ๑๑:๐๘ น.
 
บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผลกว่า 100 ล้าน


ที่มา : นิตยาสารการเงินการธนาคาร.ประจำเดือนมิถุนายน.หน้า159.เล่มที่ 386



กสิกรไทย รับมือมังกรปรับทัพ




ที่มา : นิตยาสารการเงินการธนาคาร.ประจำเดือนมิถุนายน.หน้า159.เล่มที่ 386
รางวัลดีเด่น ธนาคารกสิกรไทย
ภายในงาน Money Expo
ที่มา : นิตยาสารการเงินการธนาคาร.ประจำเดือนมิถุนายน.หน้า 236.เล่มที่ 386

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

กสิกรไทยออกกรมธรรม์ใหม่
“ซูเปอร์เซฟวิ่ง ออมทรัพย์รับเยอะ”

          กสิกรไทยออกกรมธรรม์ใหม่ ซูเปอร์เซฟวิ่ง ออมทรัพย์รับเยอะ” ประกันชีวิตควบออมทรัพย์ที่เงื่อนไขดีที่สุด เน้นเจาะลูกค้าระดับกลาง ชูผลตอบแทนสูงสุดถึง 3.5% จ่ายเบี้ยเพียง 5 ปี คุ้มครองนาน 10 ปี  มีเงินจ่ายคืน 2% ทุกปี ครบสัญญาได้ผลประโยชน์รวมถึง 130% ลดหย่อนภาษีได้ตั้งเป้าขายปีนี้ 50,000กรมธรรม์ เผยเบี้ยประกันรวม 4 เดือนแรกโตถึง 34%
          นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับบริษัท เมืองไทยประกันชีวิตออกกรมธรรม์ประกันชีวิตใหม่ล่าสุด ซูเปอร์เซฟวิ่ง ออมทรัพย์รับเยอะ” (Pro Saving 510) ซึ่งจะเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการออมเงินที่เงื่อนไขดีที่สุด ด้วยจุดเด่นตรงใจลูกค้าที่จ่ายเบี้ยประกันต่ำ ผลประโยชน์สูงโดยลูกค้าจ่ายเบี้ยประกันเพียง 5 ปี ได้รับการคุ้มครองยาว 10 ปี ได้รับเงินจ่ายคืน 2% ตั้งแต่ปีที่ 1-9 และในปีที่ 10 จะได้รับเงินครบสัญญา 112% รวมรับผลประโยชน์สูงถึง 130% ทั้งนี้ผู้ทำสามารถนำเบี้ยประกันที่จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้โดยจะรับประกันสำหรับผู้มีอายุตั้งแต่1 เดือนถึง 65 ปี ทุนประกันตั้งแต่ 100,000 - 1,000,000 บาท
          ที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทยได้ศึกษาความต้องการของกลุ่มลูกค้าบุคคลระดับกลาง (Middle Income Segment) ที่มีขนาดตลาดถึง 12 ล้านคน จึงเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่มีศักยภาพสูง พบว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความฝัน ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่อายุน้อยต้องการความมั่นคง มีชีวิตที่สุขสบาย และเริ่มมองหาการออมการลงทุนดังนั้นการออกแบบกรมธรรม์ ซูเปอร์เซฟวิ่ง ออมทรัพย์รับเยอะให้เป็นการประกันชีวิตควบการออมทรัพย์ที่ชำระเบี้ยประกันต่ำกว่ากรมธรรม์ ลักษณะคล้ายกันในตลาด แต่ให้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงหรือสูงกว่า น่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้ารายได้ระดับกลาง เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแค่ให้ความคุ้มครอง แต่ยังสามารถเป็นตัวเลือกในการออมได้อย่างดีอีกด้วย โดยธนาคารตั้งเป้าการขายในปีนี้ไว้ที่ 50,000 กรมธรรม์
         สำหรับผลการดำเนินงานของ K-Bancassurance ธนาคารกสิกรไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2557 มีเบี้ยประกันรับใหม่ทั้งสิ้นกว่า 8,600 ล้านบาท โตขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีเบี้ยประกันรับรวมกว่า 16,500 ล้านบาท เติบโตที่ประมาณ 30% สำหรับภาพรวมธุรกิจประกัน ทั้งธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยที่ผ่านมา ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ค่อนข้างผันผวน ซึ่งอัตราการเติบโตในภาพรวมในปีนี้จะชะลอตัวจากปีที่แล้วเล็กน้อย โดยธุรกิจประกันชีวิตมีอัตราเติบโตประมาณ 12% และประกันวินาศภัยเติบโตประมาณ 10%
         ด้านตัวเลขภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตทั้งตลาดจากสมาคมประกันชีวิตไทยพบว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมีเบี้ยประกันชีวิตรับใหม่รวมทุกช่องทางประมาณ 50,000 ล้านบาท เติบโต 32% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีเบี้ยประกันรับรวมทั้งหมดกว่า 135,000 ล้านบาท เติบโต 23%ส่วนภาพรวมตลาดBancassurance ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีเบี้ยประกันรับใหม่กว่า 32,800 ล้านบาทเติบโต 45% และมีเบี้ยประกันรับรวมกว่า 65,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 43%จะเห็นได้ว่าช่องทางBancassurance เป็นช่องทางที่มีส่วนช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจประกันชีวิตในภาพรวมเติบโตมากขึ้นจากปีก่อน
         นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกสิกรไทยในฐานะผู้นำในธุรกิจ Bancassurance มีนโยบายที่จะเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจลูกค้าในทุกกลุ่มลูกค้าผ่านสาขาของธนาคารด้วยบริการที่ยอดเยี่ยม (Best Product with Excellent Service) และสร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ควบคู่กับบริการให้คำปรึกษา (K-Expert) ด้วยการศึกษาถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างลึกซึ้งเพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและเพื่อให้มั่นใจว่าจะส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมที่สุดและตรงใจที่สุดให้กับลูกค้า

ที่มา : กระแสหุ้นออนไลน์ .วันอังคารที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ๑๙.๑๗ น
http://www.stockwave.in.th/hot-news/37981-2014-06-10-12-18-21.html

กสิกรไทย ออกแคมเปญ สลิปพารวย 

แจกทองทุกอาทิตย์ แจกสวิฟท์ทุกเดือน



         นายทวี ธีระสุนทรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดแคมเปญ สลิปพารวย แจกทองทุกอาทิตย์ แจกสวิฟท์ทุกเดือน สำหรับลูกค้าที่ทำรายการฝากเงิน ถอนเงิน โอนเงิน ชำระค่าสินค้า เติมเงินมือถือ หรือสมัครบริการผ่านเครื่องเอทีเอ็ม เครื่องฝากเงินอัตโนมัติธนาคารกสิกรไทย ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2557 โดยเขียนชื่อ นามสุกล พร้อมเบอร์โทรศัพท์ด้านหลังสลิป ส่งมาที่ ตู้ ปณ.18 ปณศ. นนทบุรี 11000 ลุ้นรับรางวัลสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 รางวัลทุกสัปดาห์ และแจกรถยนต์ซูซูกิ สวิฟท์ ทุกเดือน รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท เริ่มจับรางวัลเดือนกรกฎาคม 2557 ประกาศผลบนเว็บไซต์ www.kasikornbank.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ K Contact Center 02-8888888 หรือธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาทั่วประเทศไทย


ที่มา : ข่าวประชาสัมพันธ์หุ้น การเงิน การธนาคาร วันอังคารที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ๑๐:๐๓ น.


ธนาคารกสิกรไทยคว้าแชมป์ 

Best Retail Bank of The Year 2014



          ธนาคารกสิกรไทย ครองแชมป์ธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อยแห่งปี 2557 Best Retail Bank of The Year 2014 เป็นธนาคารที่ผู้เข้าชมงาน Money Expo 2014 ตัดสินใจเลือกใช้บริการมากที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่ 7 ขณะที่ยอดธุรกรรมรวมในงานพุ่ง 9.3 หมื่นล้าน จากผู้เข้าชมงานกว่า 9 แสนคน
          รายงานข่าวจาก วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนมิถุนายน 2557 เปิดเผยถึงผลการสำรวจความคิดเห็นผู้เข้าชมงานมหกรรมการเงินครั้งที่ 14 Money Expo 2014 ที่ วารสารการเงินธนาคาร จัดขึ้นเมื่อวันที่ 8-11 พฤษภาคม 2557 ว่า ธนาคารกสิกรไทย ได้ครองตำแหน่งธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อยแห่งปี 2557 Best Retail Bank of The Year 2014 โดยเป็นการครองตำแหน่งนี้ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 แล้ว
          สำหรับการจัดอันดับดังกล่าว วารสารการเงินธนาคาร ได้รับความร่วมมือจาก สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ทำการสำรวจความคิดเห็นผู้เข้าชมงาน Money Expo 2014 ซึ่งผลปรากฏว่า ธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารที่ผู้เข้าชมงาน Money Expo 2014 ตัดสินใจเลือกใช้บริการมากที่สุด
          โดยให้เหตุผลว่า ธนาคารกสิกรไทยมีความน่าเชื่อถือ มีบริการหลากหลายตรงกับความต้องการ แคมเปญโปรโมชั่นที่นำมาเสนอในงานมีความโดดเด่น น่าสนใจ ให้สิทธิประโยชน์ตรงใจ พนักงานของธนาคารที่ให้บริการในบูธให้การต้อนรับดี เต็มใจให้คำแนะนำปรึกษา ให้ข้อมูลครบถ้วน เข้าใจง่าย
          ความสำเร็จของธนาคารกสิกรไทยกับตำแหน่งธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อยแห่งปี Best Retail Bank of The Year ที่สามารถครองใจผู้เข้าชมงาน Money Expo ไว้ได้ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา เกิดจากการใส่ใจของผู้บริหารระดับสูงที่มาดูแลบริหารจัดการบูธด้วยตัวเอง พร้อมปรับกลยุทธ์เงื่อนไขแคมเปญรับมือกับการแข่งขันที่เกิดขึ้นภายในงาน ควบคู่กับการดูแลพนักงานภายในบูธให้มีการบริการลูกค้าอย่างเต็มที่ตลอดทั้ง 4 วันของการจัดงาน
          นอกเหนือจากตำแหน่งเกียรติยศนี้แล้ว ธนาคารกสิกรไทยยังประสบความสำเร็จกับเป้าหมายยอดธุรกรรมและจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการอีกด้วย
          ปีนี้ธนาคารกสิกรไทยและบริษัทในเครือมาออกบูธในงาน Money Expo 2014 ภายใต้แนวคิด “K LIFE TERMINAL” ณ ที่แห่งนี้ คือจุดเชื่อมต่อทุก Life Solution ที่ตอบสนองการบริหารการจัดการทางด้านการเงินที่ทันสมัย สามารถ Connecting Life ได้ตรงกับทุกความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มและทุก Lifestyle
         โดยเชื่อมโลกดิจิตอลสู่ชีวิตล้ำสมัยให้ยิ้มได้กับชีวิตไว้ใน 2 โซนคือ โซนตลาดเงินในพื้นที่ขนาด 1,000 ตารางเมตร นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละไลฟ์สไตล์อย่างครบวงจร และในโซน Digital Banking นำเสนอนวัตกรรมทางการเงินในยุคดิจิตอล โดยมีโปรโมชั่นพิเศษและเกมส์ลุ้นของรางวัลง่ายๆ ในช่วง Happy Hour รวมถึงความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ พร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ร่วมงานทั้งบุคคลทั่วไปและผู้ประกอบการ
          เริ่มด้วยสินเชื่อบ้านกสิกรไทย (K-Home Loan) มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษให้เลือกถึง 6 แบบ พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ คลาส สินเชื่อเงินสดทันใจกสิกรไทย (K-Express Cash) เสนอแคมเปญ “สมัครยกกรุ๊ปแจกยกก๊วน” รับของรางวัลจาก LINE Limited Edition และจี้ทองคำแท้หนัก 50 สตางค์
          บัตรเครดิตกสิกรไทย (K-Credit Card) มอบโปรโมชั่นพิเศษให้แก่ผู้สมัครใช้บริการหักบัญชีชำระบัตรเครดิตอัตโนมัติ (Auto-Payment) รับเพิ่มคะแนนสะสมพิเศษ 1,000 คะแนน เมื่อมีรายการหักบัญชีชำระบัตรเครดิตอัตโนมัติ 1 รอบบัญชี และหากสมัครใช้บริการร้านค้ารับบัตรเครดิตกสิกรไทยผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต (K-PowerP@y) ภายในงาน รับทันทีบัตรเติมน้ำมัน ปตท. มูลค่า 1,000 บาท
          นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ด้านการออมและการลงทุนมานำเสนอด้วย เช่น บริการเงินฝากกสิกรไทย (K-Deposit) “เงินฝากซูเปอร์ทวีทรัพย์” ให้อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 3.5% ต่อปี ไม่เสียภาษี กองทุนรวมกสิกรไทย (K-Mutual Fund) รับหน่วยลงทุน K-Money สูงสุด 3,950 บาท หลักทรัพย์กสิกรไทย (K-Securities) เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นในงานรับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและทรัพย์สินกสิกรไทย (K-Bancassurance) รับของสมนาคุณมากมาย
          ด้านผู้ประกอบการที่สมัครสินเชื่อธุรกิจในงาน ได้รับสิทธิสมัครสินเชื่อเพื่อธุรกิจแบบฟรีดอกปลอดต้นเป็นระยะเวลา 1 งวดแรก และรับฟรี เครื่อง K-PowerP@y มูลค่า 2,500 บาทอีกด้วย
          ที่บูธของธนาคารกสิกรไทยยังได้มีการนำนวัตกรรมทางการเงินมาเสนอภายในงาน เช่น บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย (K-Cyber Banking) และบริการธนาคารทางโทรศัพท์มือถือกสิกรไทย (K-Mobile Banking PLUS) ที่มาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษที่ผู้ร่วมงานไม่ควรพลาด รวมทั้งทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงินมาให้บริการคำปรึกษา


ที่มา : ข่าวประชาสัมพันธ์หุ้น การเงิน การธนาคาร วันอังคารที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ๐๙:๕๗ น.